บทนำ
อ่างทอง เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้ำค่า มีหลายวัดสวยที่น่าสนใจและน่าไปสักการะ ในบทความนี้ เราจะแนะนำ 10 วัดสวยที่ต้องไปสักการะในจังหวัดอ่างทอง ปี 2024
1. วัดม่วง
วัดม่วง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีความโดดเด่นคือ องค์พระพุทธรูปที่มีขนาดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก นามว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อใหญ๋ หน้าตักกว้าง63เมตร สูง95เมตร โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ในวโรกาสที่ครองสิริราชครบ 50 ปี ภายในวัดมีโบสถ์ที่สวยวิจิตรงดงาม ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติด้วยค่ะ
2.วัดขุนอินทประมูล
วัดขุนอินทประมูล เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงสุโขทัย มีการประดิษฐาน พระนอนองค์ใหญ่ หรือที่เรียกว่า พระศรีเมืองทอง คือ พระพุทธไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่เป็นที่ 2 ของไทย มีความยาวถึง 50 เมตร สูง11เมตร พุทธลักษณะที่งดงาม ซึ่งน่าจะสร้างในสมัยเดียวกันกับพระนอนจักรสีห์ ที่สิงห์บุรีค่ะ
3. วัดท่าอิฐ - วัดเก่าอายุอานามกว่า 200 ปี
วัดท่าอิฐ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยนิยมมากราบไหว้บูชา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2304 สันนิษฐานกันว่า เดิมน่าจะเป็นสถานที่ปั้นเผาอิฐที่จะนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูลนั่นเองค่ะ ทำให้เมื่อสร้างวัดขึ้นมา เลยตั้งชื่อว่า วัดท่าอิฐ ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน ชื่อว่า หลวงพ่อเพ็ชร และในวิหาร ประดิษฐานพระประธาน ชื่อว่า หลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยอยุธยา อายุกว่า 200 ปี และมี พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง สีเหลืองทอง
4. วัดจันทรังษี
วัดจันทรังษี เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อโยก พระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอยุธยา อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี นั่นเองค่ะ โดยมีเรื่องเล่ากันว่าพระพุทธรูปองค์นี้สามารถโยกไปมาได้ เลยเป็นสาเหตุของชื่อองค์พระ
5. ตลาดศาลเจ้าโรงทอง
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง หรือตลาดวิเศษชัยชาญ ตลาดเก่าอายุอานามกว่า 100 ปี ซึ่งตลาดศาลเจ้าโรงทองนั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย เดิมทีชุมชนแห่งนี้มีชื่อว่าบ้านไผ่จำศีลเกิดจากคณะอั้งยี่ซึ่งนำโดยนายสิ่งฮะ แซ่ฉั่ว อพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และก่อสร้างศาลเจ้าศิลปะจีนเอาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนตั้งแต่ปี พ.ศ.2520
6. วัดโพธิ์ทอง
วัดโพธิ์ทอง เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีการประดิษฐาน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อทอง พระพุทธรูปปูนปั้นศิลปะแบบอยุธยา อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี นั่นเองค่ะ ภายในวัดมีโบสถ์ที่สวยวิจิตรงดงาม ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติด้วยค่ะ
7. แม่น้ำน้อย
แม่น้ำน้อย คือแม่น้ำสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินทัพและย่านการค้าสำคัญที่ผู้คนใช้ขึ้น-ล่องไปมาระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพฯ ในอดีต แม่น้ำน้อยนั้นเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการเดินทางและคมนาคมระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นเหมือนสมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีคุณค่า โดยภายในแม่น้ำน้อยมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมายที่เกี่ยวข้องกับชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ใช้แม่น้ำน้อยเป็นเส้นทางเดินทัพและคมนาคม ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อแม่น้ำน้อยเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการคมนาคมระหว่างภาคเหนือและกรุงเทพฯ ทำให้แม่น้ำน้อยเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้
8. วัดไชโยวรวิหาร
วัดไชโยวรวิหาร หรือที่เรียกอีกชื่อว่า วัดเกษไชโย สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว มีความน่าสนใจอยู่ตรงที่ พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ ที่มีชื่อว่า พระมหาพุทธพิมพ์ หรือ หลวงพ่อโต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอ่างทองให้ความศรัทธาเป็นอย่างมาก จนทำให้วัดไชโยวรวิหารนั้นมีชื่อเสียงขึ้นมาจนถึงในปัจจุบัน
9. วัดต้นสน แหล่งสักการะพุทธศิลป์งดงามแห่งสิงห์บุรี
วัดต้นสนเป็นวัดเก่าแก่โบราณที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านพุทธศิลป์ ภายในบริเวณวัดมีการประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญหลายองค์ โดยเฉพาะ พระพุทธรูปปางสะดุ้งมาร “สมเด็จพระพุทธนวโลกุตตรธัมมบดีศรีเมืองทอง” เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อด้วยโลหะทั้งองค์ ลงรักปิดทองคำแท้ มีพุทธลักษณะงดงามตระการตา นอกจากนี้ ภายในโบสถ์ของวัดต้นสนยังประดับประดาไปด้วยศิลปะการเขียนภาพฝาผนังอันวิจิตรงดงาม เป็นผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์แล้วเป็นที่ประจักษ์ในสมัยอยุธยา เพิ่มเสน่ห์ให้กับวัดแห่งนี้มากยิ่งขึ้น
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจพุทธศิลป์ย่อมต้องไม่พลาดกับการชม “หลวงพ่อดำ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยอยุธยา มีอายุมากกว่า 100 ปี เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับความเคารพนับถือจากพุทธศาสนิกชนมาช้านาน
ด้วยคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมและพุทธศิลป์ที่หาดูได้ยาก ทำให้วัดต้นสนกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธที่น่าสนใจของจังหวัดสิงห์บุรี มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตินิยมแวะเวียนเข้ามาสักการะองค์พระสำคัญ ชื่นชมงานศิลปะล้ำค่า และดื่มด่ำบรรยากาศแห่งความสงบ
10. วัดสังกระต่าย
วัดสังกระต่าย เป็นวัดที่มีความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ ตัวโบสถ์จะมีต้นโพธิ์เก่าแก่ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ถึง 4 ต้นด้วยกัน ภายในโบสถ์ประดิษฐาน หลวงพ่อแก่น หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และ หลวงพ่อสุข ให้เราได้สักการะไหว้ขอพรกัน วัดนี้มีอายุกว่า 400 ปีเลยทีเดียว คาดว่าน่าจะถูกสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยาเลยค่ะ ซึ่งก็อยู่มาถึงในปัจจุบันให้ชาวบ้านได้สักการะกัน วัดนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน โดยเดิมชื่อว่า วัดสามกระต่าย แต่ภายหลังได้เรียกเพี้ยนมาเป็น “วัดสังกระต่าย” ผู้สร้างวัดคือ ทวดติ จันทนเสวี เป็นพระมารดาของพระยาหัสกาล แม้ว่าตัวโบสถ์ของ วัดสังกระต่าย จะไม่มีหลังคา แต่กลับร่มรื่นมากๆ เพราะมีร่มเงาจากต้นโพธิ์ที่คอยปกคลุมอยู่ ส่วนผนังโบสถ์ของวัดนี้ ก็จะอยู่ในสภาพเก่าแก่ทรุดโทรมแตกหักไปแล้ว แต่ที่ยังคงสภาพอยู่ได้ ก็เพราะรากต้นโพธิ์ที่ขึ้นอยู่ และยึดผนังโบสถ์ไว้อย่างดี ทำให้ผนังโบสถ์ยังคงสภาพตั้งอยู่ได้
วัดนี้อยู่ในตำบลศาลาแดง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง สามารถเดินทางมาจากถนนสายเอเชีย โดยแยกเข้าอ่างทอง จากนั้นตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา หรือ สะพานอ่างทอง จากนั้นตรงมาจนผ่านตลาดไป แล้วเจอสี่แยกไฟแดงที่แยกเรือนจำ แล้วให้เลี้ยวขวา ผ่านเรือนจำอ่างทองไป พอตรงไปแล้วด้านซ้ายจะเจอปั๊มน้ำมัน แล้วให้กลับรถ จะเห็นป้าย วัดสังกระต่าย อยู่ทางซ้าย จากนั้นก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาล ตำบลศาลาแดง ไปอีกราวๆ 500 เมตรก็ถึงวัดแล้วค่ะ
ที่เที่ยวเหล่านี้ จะทำให้คุณได้สัมผัสประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้ำค่าของจังหวัดอ่างทอง และได้ชมความงดงามของศิลปะอยุธยา ในปี 2024 นี้ เราหวังว่าคุณจะได้ไปสักการะวัดเหล่านี้และได้รับความสุขจากการเที่ยวชมวัดสวยของอ่างทอง